รัก..คำพูดของดอกไม้

ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเดือนเมษายน  ช่วงเวลาอันหนาวเย็น  บัวทันตแพทย์นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นจากประเทศไทย  ผู้หลงรักและหลงไหลดอกไม้  บัวมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเล่นในสวน  ชื่นชมดอกไม้ เรียนรู้ความหมาย รูปทรง ลักษณะนิสัยของดอกไม้  และภาษาของดอกไม้สื่อถึงอารมณ์แทนความหมายได้ตรงใจอย่างลึกซึ้ง

วันหนึ่งขณะที่บัวกำลังเดินผ่านดงกุหลาบ เธอมองเห็น ชินตะอาจารย์หมอมาดเนี้ยบยืนอยู่กลางมีทิวไผ่สูงสุดตา  อาจารย์หนุ่มเขินอายและไม่รู้จะแสดงความรู้สึกที่มีต่อบัวได้อย่างไร  บัวยิ้มให้และสังเกตเห็นว่าอาจารย์ชินตะกำดอกกุหลาบสีแดงแน่นในกำมือ  บัวรับรู้ได้ว่านั่นหมายถึงความรักและหลงใหล บัวยิ้มให้และถามว่า 

อาจารย์รู้ความหมายของดอกกุหลาบไหมคะ  

ไม่นะ  อาจารย์หนุ่มตอบ

บัวได้พูดถึงความหมายของดอกกุหลาบสีแดงให้ชินตะฟัง  ชินตะรับรู้ด้วยความประทับใจและรู้แล้วว่าบัวรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ

สองสามวันต่อมา บัวยังคงไปเยี่ยม Lily ในสวน และทุกครั้งจะได้เจอชินตะมาดักรออยู่  บัวและชินตะมักจะพูดคุยถึงความหมายและสัญลักษณ์ของดอกไม้ต่างๆ   บัวเล่าให้ชินตะฟังถึงภาษาของดอกไม้และวิธีใช้ดอกไม้สื่อความหมาย อารมณ์และความรู้สึกต่าง เธอเล่าว่าดอก Lily สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ดอกกุหลาบสีเหลืองหมายถึงมิตรภาพและความยินดี

เมื่ออาจารย์ชินตะเข้าใจภาษาของดอกไม้  วันต่อมาเขาก็เริ่มส่งช่อดอก Lily เพื่อบอกถึงความรักที่มีต่อบัว ส่งช่อกุหลาบสีชมพูเพื่อให้เธอรับรู้ถึงความชื่นชม   และช่อดอก Blue-Bell  เพื่อบอกถึงความมั่นคงและซื่อสัตย์

ในที่สุด ชินตะก็ตัดสินใจที่จะแสดงความรู้สึกที่มีต่อบัว  ในวันนั้นเขาได้มอบช่อดอกกุหลาบสีแดงและขาวเพื่อบอกถึงความรักที่บริสุทธ์และจริงใจ  บัวประทับใจและยอมรับความรักด้วยรอยยิ้มของความสุข  อีก 6 เดือนต่อมาเมื่อบัวเรียนจบปริญญาเอกทั้งสองเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อจัดพิธีแต่งงาน 

จากนั้นบัวและชินตะได้กลับมาสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันที่ Hakodate บ้านเกิดของชินตะ เมืองแห่งอาหารทะเล ธรรมชาติก็สวยงาม พวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป

แม้เวลาจะผ่านไป  บัว ยังคงมีความสุขกับการแบ่งปันความรู้เธอเกี่ยวกับภาษาดอกไม้ให้กับลูกค้าที่มาทำฟันเสมอ  ความงามของดอกไม้ไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์และข้อความอันลึกซึ้งด้วย ดังนั้นภาษาของดอกไม้จึงแพร่หลายไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเชื่อว่า “ใครก็ตามที่เข้าใจภาษานี้จะสามารถสื่อสารความรู้สึกที่แท้จริงได้โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ”